Tuesday, April 30, 2013

ประโยชน์และโทษของเม็ดแมงลัก

ประโยชน์และโทษของเม็ดแมงลัก


จากที่ข้อมูลต่างๆซึ่งนำเม็ดแมงลักมาช่วยในการขับถ่ายและล้างลำไส้หรือที่เรียกว่าการดีท็อกซ์นั้นเป็นประโยชน์ส่วนหนึ่งของเม็ดแมงลักซึ่งประโยชน์อื่นๆของมันก็ยังมีอีกมาก แต่เมื่อมีประโยชน์ก็ต้องมีโทษตามมาซึ่งเราควรศึกษาให้ดีและทำความเข้าใจกับมัน เพียงเท่านี้เราก็จะได้ใช้ประโยชน์จากเม็ดแมงลักได้อย่างมีประสิทธิภาพแก่ร่างกายของเราเอง




โทษของเม็ดแมงลัก


1. มีอาการแน่นท้องรู้สึกไม่สบายตัว เมื่อรับประทานเม็ดแมงลักในปริมาณมากๆ

2. การรับประทานเม็ดแมงลักในขณะที่ยังพองตัวไม่เต็มที่ อาจจะเกิดการดูดน้ำจากกระเพาะอาหารทำให้เม็ดแมงลักจับตัวกันเป็นก้อนและอุดตันในลำไส้ ซึ่งอาจทำให้ท้องผูกได้เช่นกันถ้ารับประทานแบบผิดวิธี

3. ไม่ควรรับประทานเม็ดแมงลักพร้อมกับกับยาอื่นๆ เพราะจะมีผลทำให้ร่างกายดูดซึมยาเหล่านั้นได้ไม่ดีและน้อยลง ดังนั้นควรทานยาก่อนสักประมาณ 15-30 นาทีแล้วค่อยรับประทานเม็ดแมงลักตาม

4. สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก การรับประทานเม็ดแมงลักแทนมื้ออาหารหลักควรรับประทานเป็นบางมื้อ เพราะอาจจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นอื่นๆได้

5. อีกสิ่งที่ต้องระวังไว้ก็คือ การเลือกซื้อ ควรเลือกซื้อเม็ดแมงลักที่มีความสะอาดได้มาตรฐานน่าเชื่อถือ อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิด เก็บไว้ในที่เหมาะสม เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว อาจมีเชื้อราหรือสารพิษอย่างอะฟลาทอกซินปนเปื้อนมาด้วยก็ได้ (สารอะฟลาทอกซิน เมื่อบริโภคจำนวนมากอาจทำให้อาการท้องเดิน อาเจียน และสะสมเป็นสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ)

ประโยชน์ของเม็ดแมงลัก


1. เม็ดแมงลัก ลดความอ้วน เพราะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ เพราะมีสรรพคุณในการเปลี่ยนคอเลสเตอรอลไปเป็นกรดน้ำดี และยังช่วยเพิ่มการขับออกของกรดน้ำดีด้วย ซึ่งจะไปลดเฉพาะคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) แต่ไม่มีผลใดๆกับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)

2. เม็ดแมงลัก ลดน้ําหนัก ตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องควบคุมน้ำหนักและความอ้วน เนื่องจากเม็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดพลังงาน และมันสามารถพองตัวได้มากถึง 45 เท่า !! เมื่อนำมารับประทานเป็นอาหาร (ควรรับประทานแค่บางมื้อต่อวัน เพื่อป้องกันโรคขาดสารอาหาร) หรือจะรับประทานก่อนอาหารเพื่อทำให้กระเพาะไม่ว่างและรู้สึกอิ่มเป็นการช่วยควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานไปด้วยเป็นอย่างดี

3. เม็ดแมงลัก เมื่อรับประทานเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจได้อีกด้วย

4. เม็ดแมงลักเป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะช่วยทำให้การดูดซึมของน้ำตาลลดลง เนื่องจากเม็ดแมงลักทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ช้าลงอยู่แล้ว

5. เม็ดแมงลักเป็นอาหารที่รับประทานง่าย กลืนง่ายลื่นคอและเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานอาหารที่มีกากใยอย่างพวก ผักผลไม้

6. เม็ดแมงลัก ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้เป็นปกติและมีประสิทธิภาพ ขับถ่ายสะดวก เป็นยาระบายช่วยกระตุ้นการขับถ่ายด้วยการรับประทานเม็ดแมงลักก่อนเข้านอน

7. เม็ดแมงลัก สรรพคุณล้างลำไส้ ช่วยดีท็อกซ์แก้ปัญหาอุจจาระตกค้าง ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย มีพยาธิ ระบบย่อยอาหารผิดติ ระบบดูดซึมเสีย และขับถ่ายไม่เป็นเวลา (ช่วงเช้า 05.00 - 07.00 น.)




ประโยชน์จากส่วนอื่นๆของต้นแมงลัก


1. ใบแมงลักช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะได้
2. ใบแมงลักมีสรรพคุณในการช่วยขับเหงื่อ
3. ใบแมงลักมีฤทธิ์ช่วยขับลมในลำไส้
4. ใบแมงลักต้มกับน้ำดื่มเป็นประจำช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้หรือทางเดินอาหารได้
5. ใบแมงลักมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้
6. ใช้ใบสดมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วรับประทาน สรรพคุณช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ
7. รักษาโรคกลากเกลื้อน ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 10 ใบนำมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำมาตำผสมน้ำเล็กน้อย แล้วทาบริเวณที่เป็นกลากเกลื้อนวันละ 1 ครั้งประมาณ 1-2 สัปดาห์อาการจะดีขึ้น

จะเห็นได้ว่าประโยชน์จากต้นแมงลักมีเยอะแยะมากมาย สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมของต้นแมงลักได้ที่
แมงลัก

Monday, April 29, 2013

มาดื่มน้ำเพื่อสุขภาพกันเถอะ !!!

มาดื่มน้ำเพื่อสุขภาพกันเถอะ

 

มาดื่มน้ำเพื่อสุขภาพกันเถอะ

 

หลายๆคนคงจะรู้กันอยู่แล้วว่าน้ำมีประโยชน์ต่อร่างกายมากน้อยเพียงใด และน้ำสามารถช่วยอะไรกับร่างกายของเราได้บ้าง แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้และกำลังเริ่มที่จะดูแลสุขภาพของตัวเราเองนั้น เราก็มีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆมาบอกต่อๆกัน

การดื่มน้ำเพื่อให้ได้มาซึ่งสุขภาพที่ดีและแข็งแรงสดชื่นในหนึ่งวันและทุกๆวันของเรานั้น เราจะต้องดื่มน้ำสะอาดและต้องไม่เย็นจนเกินไปหรือถ้าจะให้เข้าใจง่ายจริงๆนั้นควรดื่มน้ำในอุณหภูมิห้องหรือในอุณหภูมิปกตินั่นเอง หากเราสังเกตดูดีๆแล้วในชีวิตประจำวันของเราเวลาเราเจ็บป่วย เหนื่อย กระหาย เราก็ต้องดื่มน้ำนี่แหละ เพราะฉะนั้นน้ำจึงมีความสำคัญกับเราเป็นอย่างมาก

แล้วในหนึ่งวันเราต้องดื่มน้ำมากน้อยแค่ไหน?

ปกติแล้วในหนึ่งวันเราควรจะดื่มให้ได้ 1-2 ลิตร หรือ 6-8 แก้ว ซึ่งการดื่มที่ถูกนั้นไม่ใช่ว่าในเวลาเดียวกันหรือในเวลาอันสั้นเราก็ดื่มไปแล้วจนครบตามที่บอกแล้วหลังจากนั้นก็ไม่ดื่มอีกเลย ซึ่งถ้าทำแบบนั้นแล้ว อาจจะเรียกได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะร่างกายได้รับน้ำในปริมาณมากเกินไปในเวลา ณ ขณะนั้น ทำให้เกิดการขับออกในเวลาต่อมา แล้วหลังจากนั้นล่ะ ร่างกายก็ขาดน้ำอีกเช่นเดิม ดังนั้นเราจึงควรจะจัดระเบียบในการดื่มน้ำในหนึ่งวันให้ดีและทำเป็นนิสัย ซึ่งโดยส่วนมากทำกันดังนี้

เช้า
2 แก้ว หลังตื่นนอน
กลางวัน
ก่อนอาหาร 1 แก้ว
หลังอาหาร 1 แก้ว
เย็น
ก่อนอาหาร 1 แก้ว
หลังอาหาร 1 แก้ว

เท่านี้ก็เพียงพอต่อวันแล้ว หรือหากใครสะดวกดื่มในช่วงเวลาอื่นก็สามารถทำได้ ไม่มีกฎตายตัว แต่หากจะให้ดี เราก็อาจจะดื่มเพิ่มเติมจากที่กล่าวมาด้วยการดื่มน้ำในช่วงสายๆของวันหรือก่อนนอน จะเป็นการดีมาก


ประโยชน์จากการดื่มน้ำล่ะ มีอะไรบ้าง?

จากที่กล่าวข้างบนนั้นเราก็คงจะทราบกันแล้วว่าน้ำมีความสำคัญต่อร่างกายมาก ดังนั้นเมื่อมันสำคัญมาก มันก็ต้องมีประโยชน์ต่อร่างกายเรามากเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น

ลดการปวดศีรษะได้


เราอาจจะเห็นไม่ชัดเจนมากนักว่าช่วยลดกันได้อย่างไร แต่ในผู้ที่ปวดศีรษะเป็นประจำ หรือคนที่เป็นโรคไมเกรน หากได้ดื่มน้ำเป็นประจำ ก็จะช่วยให้อาการปวดไมเกรนลงได้บ้าง เพราะผลการวิจัยบอกว่าในรายที่ ป่วยเป็นโรคไมเกรน หากร่างกายขาดน้ำก็จะยิ่งปวดไมเกรนมากขึ้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อช่วยลดอาการดังกล่าว

สุขภาพผิวดี


หากผิวที่สดใสของเราได้รับน้ำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องและเพียงพอก็จะช่วยให้ สดใสยิ่งขึ้น ผิวสวยสุขภาพผิวดี เเต่งตึงเป็นสีชมพู เนื่องจากไปกระตุ้นการไหลเวียดของเลือด หน้าตาสดใสบ่งบอกถึงความเป็นคนที่มีสุขภาพดี น้ำนั้นมีคุณประโยชน์ต่อผิวหนังของเรา เพราะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง และยังช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายด้วย

ประโยชน์อื่นๆของการดื่มน้ำ


ทำให้ระบบต่างๆในร่างกายพร้อมที่จะทำงาน มีการกระตุ้นระบบต่างๆ
ปากลิ้นสะอาด ตาใสเป็นประกาย
ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยเรื่องโรดกระเพาะ และกรดไหลย้อน
ช่วยลดความร้อนในร่างกายแก้ร้อนใน
การขับถ่ายดีท้องไม่ผูก
ทำให้สมาธิดีขึ้น สมองปลอดโปร่ง

จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ หากเราไม่ดื่มน้ำให้เป็นนิสัย สุขภาพเราจะดีได้อย่างไร จริงหรือไม่
มาทำให้ร่างกายของเรามีสุขภาพดีด้วยการเริ่มต้นจากสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ คือ การดื่มน้ำ